เป็นเรื่องที่เราจำต้องยอมรับแม้จะอยากปฏิเสธเต็มกำลัง ว่าทุกวันนี้เรามี ‘ฤดูฝุ่น’ เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ในขณะที่หลายฝ่ายก็พร้อมร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อเรียกคืนอากาศที่ดีกลับมา ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน PM2.5 ที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ ฝุ่นควันข้ามพรมแดน หรือฝุ่นควันในกรุงเทพมหานคร
ซึ่งจากการวิเคราะห์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงวิกฤต ปี 2566 พบว่า ในระยะเหตุการณ์ปกติ ค่าฝุ่นในกรุงเทพฯ จะไม่สูงเกินกว่า 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นค่าฝุ่นที่เกิดจากยานพาหนะทั่วไป แต่เมื่อไรที่อากาศปิด เกิดความกดอากาศสูง การระบายอากาศไม่ดี ฝุ่นไม่กระจาย ค่าฝุ่นจะสูงขึ้นไปที่ประมาณ 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และหากมีการเผาเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว ค่าฝุ่นจะเพิ่มสูงกว่า 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในทันที แผนบริหารจัดการฝุ่นในแต่ละระยะจึงปรับขึ้นตามวิกฤตที่เกิดขึ้น
มาตรการการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง PM2.5 ทั้งการติดตามเฝ้าระวัง การกำจัดต้นตอ และการป้องกันประชาชน ซึ่งมาตรการลดฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานคร จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกันคือ
ระดับที่ 1 แผนลดฝุ่น 365 วัน สำหรับค่าฝุ่น PM2.5 ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ระดับที่ 2 แผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต สำหรับค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 -75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ระดับที่ 3 แผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต สำหรับค่าฝุ่นตั้งแต่ 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
แผนระดับที่ 1 สำหรับค่าฝุ่น PM2.5 ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งดำเนินการทุกวัน ประกอบด้วย
#การติดตามเฝ้าระวัง จัดให้มีนักสืบฝุ่น โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อวิจัยแหล่งกำเนิดฝุ่น, จัดทำ Risk Map เพื่อแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ, ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นให้ได้ 1,000 จุด และแจ้งเตือนวันละ 1 ครั้ง
#การกำจัดต้นตอ ตัดให้มีการตรวจคันดำของรถยนต์ 7 จุดต่อวัน และตรวจควันดำในอู่รถเมล์ 2 วันต่อสัปดาห์, ตรวจสอบคุณภาพอากาศเชิงรุก 2 ครั้งต่อเดือน ในแหล่งกำเนิดฝุ่น 1,322 แห่ง ประกอบด้วย เตาเผาศพ สถานที่ก่อสร้าง แพลนต์ปูน โรงงานหรือสถานประกอบการ ถมดินและท่าทราย, พัฒนาทางเท้าโดยตั้งเป้า 1,000 กิโลเมตร เพื่อส่งเสริมให้คนใช้รถสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
จัดให้มี Bike Sharing และตั้งเป้าให้มีจุดจอดจักรยาน 100 จุด พร้อมสำรวจเส้นทางจักรยาน 641.43 กิโลเมตร, ส่งเสริมการใช้รถ EV โดยการเพิ่ม Charging Station และส่งเสริมการใช้น้ำมันหรือเครื่องยนต์ EURO5, ป้องกันไฟไหม้หญ้าในที่รกร้าง และจัดให้มีรถอัดฟาง 3 คันสำหรับเกษตรกรเพื่อแก้ปัญหาการเผา
#การป้องกันประชาชน จัดให้มีธงคุณภาพอากาศเพื่อแจ้งเตือนในบริเวณโรงเรียน ชุมชน และสำนักงานเขต, โครงการสวน 15 นาที และโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น, จัดทำห้องปลอดฝุ่นสำหรับโรงเรียนและโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, ส่งเสริมการทำเครื่องฟอกอากาศ DIY, ล้างถนนอย่างต่อเนื่อง
แผนระดับที่ 2 บริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต สำหรับค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 -75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
#การติดตามเฝ้าระวัง จัดตั้ง War Room แจ้งเตือนประชาชน 3 ครั้งต่อวัน และมีแอปพลิเคชัน AirBKK ที่ปรับปรุงให้มีความละเอียดขึ้น พยากรณ์ได้แม่นยำและล่วงหน้าได้มากขึ้น
#การกำจัดต้นตอ มีการเพิ่มความถี่ในการตรวจจับควันดำอีก 3 วันต่อสัปดาห์ พร้อมทั้งมีการตรวจวันดำที่ท่าเรือคลองเตยและนิคมอุตสาหกรรม, ประสานกับตำรวจจราจรเรื่องการห้ามจอดรถบนถนนสายหลักและถนนสายรอง, ประสานกับศาสนสถานเพื่อรณรงค์ไม่ให้มีการจุดธูปเทียน และห้ามเผาในที่โล่ง
#การป้องกันประชาชน เพิ่มมาตรการเข้มโรงเรียนสู้ฝุ่น 437 แห่ง งดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือสั่งปิดโรงเรียนหากค่าฝุ่นยังสูงโดยปรับรูปแบบการเรียนแทน, แจกหน้ากากอนามัยเชิงรุก, จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทั้ง 50 เขต และเปิดคลินิกมลพิษทางอากาศ 8 แห่งในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร
แผนระดับที่ 3 บริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต สำหรับค่าฝุ่นตั้งแต่ 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
#การติดตามเฝ้าระวัง มีการแจ้งเตือนค่าฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผ่าน Line Alert
#การกำจัดต้นตอ จะมีการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ, ขอความร่วมมือหยุดก่อสร้างพื้นที่ก่อสร้าง, และงดค่าโดยสารสำหรับค่ารถไฟฟ้า BTS ในส่วนต่อขยาย เพื่อสนับสนุนให้คนใช้เดินทางแทนรถส่วนตัว
#การป้องกันประชาชน ขอความร่วมมือ work from home พร้อมมีเครือข่าย work from home ใน 50 เขตของกรุงเทพมหานคร และติดต่อขอทำฝนหลวงในพื้นที่
จากการดำเนินการภายใต้มาตรการดังกล่าว ปัจจุบัน ในด้าน #การติดตามเฝ้าระวัง กรุงเทพมหานครมีสถานีตรวจวัดค่า PM2.5 จำนวน 82 แห่งใน 50 เขต และมีจุดเซนเซอร์ตรวจวัดค่าฝุ่น 689 จุด จากที่ตั้งเป้าไว้ 1,000 จุด, จัดทำเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น AirBKK รายงานคุณภาพอากาศทุกวัน พร้อมทั้งมีศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศที่สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ที่จะรายงานคุณภาพอากาศทุกวันทั้งเช้าและเย็นในช่วงฝุ่นวิกฤต โดยสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์และเพจ: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
ระบุจุดที่เกิดฝุ่น รวมทั้งสถานประกอบกิจการต่างๆ โรงงาน แพลนต์ปูน พื้นที่ก่อสร้าง ลงใน Risk Map และมีการติดตั้งจุดตรวจจับความร้อนในที่โล่งจากการเผาในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเกิดการเผาจะแสดงผล และศูนย์จะประสานแจ้งเพื่อมาดับจุดความร้อน แต่หากเป็นจุดความร้อนจากการเผาข้ามแดน จะทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ใน #การกำจัดต้นตอ ได้มีการตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 เดือนละ 2 ครั้ง โดยปัจจุบัน (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566-3 กุมภาพันธ์ 2567) ได้มีการตรวจในสถานประกอบกิจการหรือโรงงาน 348 แห่ง แพลนต์ปูน 120 แห่ง สถานที่ก่อสร้าง 525 แห่ง ถมดินและท่าทราย 23 แห่ง จุดใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะสั่งให้มีการปรับปรุงแก้ไข
และตรวจควันดำในสถานที่ต้นทาง (สำนักงานเขต) คันที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานจะสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข ตรวจจับรถยนต์ปล่อยควันดำ ตรวจรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง และตรวจรถบรรทุก คันที่ค่าควันดำเกินมาตรฐานจะถูกสั่งห้ามใช้
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน และภาคีเครือข่าย จัดแคมเปญ รถคันนี้ #ลดฝุ่น โดยสนับสนุนให้เกิดการใช้น้ำมัน EURO5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด พร้อมรับโปรโมชั่น ณ สถานีบริการน้ำมันและศูนย์บริการรถยนต์ที่ร่วมรายการ
ซึ่งจะมีโปรโมชั่นส่วนลดในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์สูงสุดถึง 55% อาทิ ส่วนลดราคาน้ำมัน น้ำมันเครื่อง อะไหล่ ตรวจเช็กสภาพรถฟรี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี พร้อมของสมนาคุณอื่นๆ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถดูโปรโมชั่นที่ร่วมแคมเปญได้ที่เพจ: กรุงเทพมหานคร
ด้าน #การป้องกันประชาชน ได้ดำเนินการตามแผน โดยติดตั้งธงคุณภาพอากาศในโรงเรียน ชุมชน สำนักงานเขต และโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานครทุกโรงเรียน, ทำห้องเรียนปลอดฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 300 เครื่องให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และ 1,734 เครื่องให้กับโรงเรียนอนุบาล พร้อมทั้งเปิดคลินิกมลพิษทางอากาศในศูนย์บริการสาธารณสุขในช่วงค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
ส่วนโครงการต้นไม้ล้านต้น มียอดจองปลูกทั้งจากกรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และภาคประชาชน จำนวน 1,641,310 ต้น ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ปลูกไปแล้วจำนวน 800,298 ต้น ในขณะที่กิจกรรม work from home ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติในช่วงวิกฤตฝุ่นสูง 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป มีเครือข่ายเข้าร่วมแล้ว 102 แห่ง รวมจำนวนผู้เข้าร่วม 47,677 คน
ที่มาข้อมูล:
-การบรรยายเรื่อง ‘การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร’ โครงการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศข้ามแดนจากการเผาไหม้ ระหว่างไทย–เมียนมา โดย ประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
-สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร
-สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
-สภากรุงเทพมหานคร
–https://tree.bangkok.go.th/
ภาพ: สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร, สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร