ความดีงามของต้นไม้ใหญ่ คือช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และกรองหรือดักจับฝุ่นละออง คุณสมบัติที่ธรรมชาติมอบไว้เพื่อจัดการกับระบบนิเวศที่ผิดทิศผิดทาง ทำให้แนวทางการปลูกต้นไม้ฟื้นคืนชีวิตให้สิ่งแวดล้อม เป็นที่ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
หากมองเพียงผิวเผิน การปลูกต้นไม้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ทว่าการจะหยั่งรากจนรอดและเติบโตเป็นไม้ใหญ่อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องอาศัยหลายปัจจัยในการหล่อเลี้ยง ไม่ว่าจะดินและธาตุอาหารที่เหมาะสมกับพันธุ์ไม้ น้ำ อุณหภูมิ แสง ฯลฯ ที่ทุกการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของต้นไม้ทั้งสิ้น
ในวันที่เราต่างก็เห็นชอบต่อการเพิ่มประชากรต้นไม้เพื่อฟื้นฟูโลก ทุกต้นของการปลูกล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี แต่จะยิ่งดีไปกว่านั้น หากการปลูกนั้นให้ผลที่แม่นยำ คนปลูกสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้เหล่านั้นได้ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม
ไปจนถึงสามารถขายคาร์บอนเครดิตตามนโยบายชดเชยคาร์บอน ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาโลกร้อน ที่ล่วงลามมาจนถึงโลกเดือดแล้ว
foodforres.eco-farmdd.com คือแพลตฟอร์มออกแบบพื้นที่ ซึ่ง ดร.สาคร สร้อยสังวาลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปฐพีวิทยา ใช้เวลาหลังเกษียณในการออกแบบและพัฒนาขึ้น ภายใต้โครงการคนกล้าคืนถิ่น ของมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย
แต่เดิมนั้นแพลตฟอร์มดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หลังจากนั้นได้นำมาใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอนของนักศึกษา ในสาขาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และเผยแพร่สู่เกษตรกรและหน่วยงานที่สนใจเรื่องการออกแบบพื้นที่ในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่งยังจำกัดอยู่ในกลุ่มคนที่รู้จักจำนวนหนึ่ง
เมื่อมูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย ดำเนินโครงการสานพลังเคาท์ดาวน์ PM2.5 เพื่อสุขภาวะคนเมือง (หลวง) แพลตฟอร์มนี้จึงได้พัฒนาระบบ เพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และลดก๊าซเรือนกระจก โดยเพิ่มฟังก์ชั่นคำนวณปริมาณชีวมวลของต้นไม้และการกักเก็บคาร์บอน
ซึ่งสมาชิกผู้ใช้งานแพลตฟอร์มจะสามารถผันคาร์บอนเครดิตจากต้นไม้ในแปลงเป็นรายรับได้ เป็นการจูงใจให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้มากขึ้น
“ถ้าเราจะออกแบบอนาคตประเทศไทยให้กลับคืนมามีสภาพแวดล้อมที่ดี เราต้องฟื้นฟูทรัพยากรต่างๆ ให้กลับคืนสภาพ ไม่ว่าดิน น้ำ ลม (อากาศ) ไฟ (พลังงาน) และการจะฟื้นฟูก็ต้องมีฐานข้อมูลที่แม่นยำมากพอที่จะสามารถประมวลสถานการณ์ต่างๆ ได้ทันเวลา และทุกงานจะต้องลงไปทำในพื้นที่ เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดในพื้นที่ ดังนั้นการทำข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่จะต้องแม่นยำถูกต้อง” ดร.สาครชี้แนวทาง
“การแก้ปัญหามลพิษทั้งปวง ไม่ว่าทางดิน ทางน้ำ ทางอากาศ การแก้ที่เบ็ดเสร็จที่สุดต้องแก้ที่จุดกำเนิด แต่สำหรับปัญหาฝุ่น PM2.5 แล้ว เราในฐานะประชาชนจะไปกำจัดที่จุดกำเนิดก็ไม่ได้เพราะอำนาจเราไม่พอ เราก็ต้องป้องกันตัวเอง วิธีหนึ่งก็คือปลูกต้นไม้ แต่จะปลูกตรงไหนยังไงให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะถ้าปลูกแล้วประสิทธิภาพมันด้อย คนจะไม่เชื่อถือว่าวิธีนี้เป็นไปได้ แม้จะป้องกันฝุ่นไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยป้องกันได้บ้างก็ยังดี”
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบพื้นที่อยู่หลากหลายรูปแบบ และใช้กับเครื่องมือที่ต่างกัน ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ได้จึงแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน ทว่าแพลตฟอร์มที่มีอยู่ส่วนใหญ่ยังขาดข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อใช้วิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่ก่อนการออกแบบ เมื่อดำเนินการไปแล้วเกิดปัญหาความไม่ยั่งยืนของการใช้ประโยชน์พื้นที่
foodforres.eco-farmdd จึงเกิดเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบพื้นที่ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ลดปัญหาความยุ่งยาก ลดเวลาและค่าใช้จ่าย
และได้นำแนวคิดการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งเป็นการกําหนดทางเลือกในการจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้ได้ประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน ลดอัตราการสูญเสียทรัพยากรที่ดิน หลีกเลี่ยงการเกิดของเสียและมลพิษ และเพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรที่ดินอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้เกิดการเสื่อมโทรมและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่นในทางลบ
พร้อมด้วยการนำแนวคิดการสํารวจและจําแนกดิน ที่มีการรวบรวมข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ของดินชนิดต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แล้วนํามาบันทึกไว้ในรูปแบบของแผนที่และรายงานสํารวจดิน โดยการศึกษาดินภาคสนาม และเขียนขอบเขตของดินชนิดต่างๆ บนแผนที่พื้นฐานหรือแผนที่หลัก เพื่อนําทั้งข้อมูลและแผนที่สนาม (field map) ไปใช้ในการออกแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เป้าหมายตามต้องการของผู้ใช้
โดยอาศัยแนวคิดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงพื้นที่ เป็นเครื่องมือทําให้การดําเนินการออกแบบและพัฒนาพื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะขั้นตอนการสํารวจพื้นที่เพื่อเก็บรวมรวบข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการประเมินความเหมาะสมของพื้นที่สําหรับการดําเนินกิจกรรมทางการเกษตรและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการออกแบบขั้นต้น (Schematic design)
จากแนวคิดดังกล่าว นำมาสู่ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สมบูรณ์ของ foodforres.eco-farmdd ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มประเภท Web Application ที่มีองค์ประกอบของระบบส่วนหน้าจอสําหรับใช้ติดต่อกับผู้ใช้งาน ส่วนนําเข้าข้อมูลพื้นฐานเพื่อการออกแบบพื้นที่ ส่วนส่งออกข้อมูล ส่วนตลาดและบริการ
ส่วนสร้าง QR code ต้นไม้ ส่วนตรวจสอบพื้นที่ความเหมาะสมสําหรับการปลูกต้นไม้มีค่า ส่วนจัดการข้อมูลการใช้ระบบ/สมาชิก ส่วนการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ (GIS) ส่วนจัดการข้อมูลด้านการออกแบบพื้นที่ ส่วนพยากรณ์อากาศรายชั่วโมงจากกรมอุตุนิยมวิทยาในบริเวณพื้นที่ออกแบบ
“คนที่ได้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ เอกชนและประชาชนทั่วไปก็ได้ประโยชน์ส่วนหนึ่ง หรือถ้าใช้กับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเกษตร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีฐานข้อมูลของสมาชิกอยู่ หากนำแพลตฟอร์มเราเข้าไปเสริมก็อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น”
เพื่อให้การปลูกพืชมีความถูกต้องเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ผู้เข้าใช้งานสามารถเข้าใช้งานในแพลตฟอร์มนี้ และออกแบบวางแผนได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลโฉนดเป็นรูปแปลงที่ดิน แล้วออกแบบการปลูก ไม่ว่าจะมีพื้นที่เพียง 1 งาน ไปจนถึงหลักร้อยไร่
“แพลตฟอร์มจะช่วยวิเคราะห์ ทำให้เราออกแบบได้ว่าจะปลูกต้นไม้ชนิดนี้ตรงไหน ทำร่องน้ำไหลไปทางไหน ส่วนผู้ใช้งานเองก็ต้องมีความรู้พื้นฐานบ้างในการอ่านข้อมูล รู้ชนิดของดิน เพราะชนิดของดินนี่เดินไปไม่กี่ก้าวก็สามารถแตกต่างกันได้ และการใช้แพลตฟอร์มของสมาชิกจะเกิดเป็น community ทำให้เราได้ช่วยกันแชร์ข้อมูล อัพเกรดข้อมูล จนเกิดความแม่นยำขึ้นเรื่อยๆ”
ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแปลงของสมาชิก เมื่อถูกบันทึกลงในแบบฟอร์มของแพลตฟอร์ม จะมีการคำนวณความเหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ในแพลตฟอร์มยังมี Market Place ที่ช่วยสนับสนุนการปลูก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ซื้อพันธุ์ไม้ ปุ๋ย ไปจนถึงแหล่งรับซื้อผลผลิต
ซึ่งข้อมูลของพืชที่มีอยู่ตอนนี้ คือไม้ยืนต้นหรือไม้ป่าและพืชเศรษฐกิจ ไม้บางชนิดแม้ไม่มีรายชื่อระบุไว้ แต่หากมีลักษณะใกล้เคียงกันหรือเป็นพืชตระกูลเดียวกัน ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้
“แพลตฟอร์มนี้จึงเอื้อประโยชน์สองอย่าง คือได้ใช้ประโยชน์จากไม้ที่ปลูก และได้ประโยชน์ส่วนรวม เพราะเราได้เสริมข้อมูลเกี่ยวกับการคำนวณชีวมวลและข้อมูลคาร์บอนเครดิตเอาไว้ ว่าต้นไม้หนึ่งต้นสามารถดูดซับคาร์บอนได้กี่กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี คุณมีต้นไม้ชนิดนี้อยู่จำนวนเท่านี้ จะดูดซับคาร์บอนได้เท่าไร”
และด้วยการเป็นแหล่งคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานรับรอง ทำให้สามารถยังประโยชน์ต่อการซื้อขายตามกลไกตลาดคาร์บอนเครดิต
“ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อไปชดเชยคาร์บอน ก็สามารถเข้ามาใช้งานในแพลตฟอร์มนี้ได้ ตอนนี้เราได้พูดคุยกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพื่อต่อยอดเรื่องคาร์บอนเครดิต แต่ไม่ว่าอย่างไร แม้ไม่มีการซื้อขายคาร์บอน มะม่วงที่คุณปลูก หรือไม้พะยูงที่คุณปลูกก็ยังขายได้เหมือนเดิม”
แพลตฟอร์มที่จะทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยในการปลูกต้นไม้ ที่ดร.สาครและทีมงานร่วมกันออกแบบ ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ และเตรียมเผยแพร่สู่คนทั่วไปภายในปีนี้ และแม้จะทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้ว ก็ยังจะมีการอัพเดตอยู่เสมอตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ เช่น มีการถมดิน เกิดน้ำท่วม “เพราะแค่ขุดหน้าดิน ดินก็เปลี่ยนแล้ว”
“สำหรับผมแล้ว ผมแฮปปี้กับแพลตฟอร์มนี้มาก แพสชั่นที่ติดอยู่ในใจผมคือ การหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่ผมจะสอนนักศึกษาและอบรมเกษตรกรนั้นหายากมาก แต่แพลตฟอร์มนี้ทำให้ชี้ได้หมดเลยว่าอะไรเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน การจะประเมินว่าดินเป็นอย่างไร น้ำเป็นอย่างไร ควรจะปลูกอะไร
“เราสามารถใช้แพลตฟอร์มเดียววางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ออกแบบพื้นที่ได้เลย”