ไม่เพียงแต่มลภาวะทางอากาศภายนอกที่เราต้องเผชิญ บ้านที่เราอยู่ทุกวันก็อาจเกิดมลภาวะในอากาศได้เช่นกัน และรู้หรือไม่ว่ามลภาวะอากาศภายในบ้านนั้น เกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของบ้าน ตั้งแต่หน้าประตู ห้องครัว ห้องน้ำ ไปจนในห้องนอน
สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (U.S. Environmental Protection Agency) จัดให้มลพิษทางอากาศในร่ม (Indoor Air Pollution) เป็น 1 ใน 5 ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพของประชาชน และอาจรุนแรงกว่ามลภาวะอากาศทั่วไปได้ถึง 2-5 เท่า หากขาดการจัดการดูแลบ้านที่ดี เพราะมลภาวะในที่ร่มนั้นส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ เกิดการระคายเคืองผิวหนัง เจ็บคอ แสบตา แสบจมูกได้ และเรามักจะนึกไม่ถึงข้อนี้
เรามีเคล็ดลับที่ทำได้ง่าย ที่จะช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาด แถมทำให้อุ่นใจได้ตลอดว่าบ้านเรานี่แหละคือเซฟโซนโดยแท้
1. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทอยู่เสมอ
กลิ่น ฝุ่น เชื้อโรค จัดเข้าหมวดหมู่ของมลพิษทางอากาศที่อบอวลอยู่ภายในบ้านด้วยกันทั้งหมด เราจึงควรเปิดหน้าต่าง หรือใช้พัดลมดูดอากาศเพื่อให้อากาศได้ระบายออกอยู่เสมอ นอกจากนั้นการเปิดหน้าต่างให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน จะช่วยลดความอับชื้อ ให้แสงสว่างโดยไม่ต้องพึ่งพลังงานใดๆ และทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้นอีกด้วย
2. รักษาความสะอาดของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
สัตว์เลี้ยงเเสนรักอาจเป็นอีกหนึ่งแหล่งมลภาวะในบ้าน เพื่อให้ทุกสิ่งมีชีวิตอยุ่ร่วมกันอย่างมีความสุข ควารหมั่นอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง และทำความสะอาดของใช้ เสื้อผ้า ที่นอนของสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ นอกจากช่วยลดมลภาวะในอากาศแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของสัตว์เลี้ยงจากแมลงและเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย
3. ถอดรองเท้าไว้นอกบ้าน หรือมีที่เก็บรองเท้าที่มิดชิด เพื่อลดกลิ่นจากรองเท้า
การมีตู้รองเท้า และพรมเช็ดเท้าก่อนเข้าบ้าน จะช่วยสกัดและป้องกันสารพัดเชื้อโรคที่เราเดินย่ำมาทั้งวันจากนอกบ้าน แถมยังช่วยลดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
4. เลี่ยงการสูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ภายในบ้าน หรือบริเวณระเบียง ที่กลิ่นและควันจะสามารถลอยเข้าบ้านได้ เพื่อลดมลภาวะภายในบ้าน เเละลดอันตรายของควันบุหรี่มือสองให้กับสมาชิกในครอบครัวและคนที่คุณรัก หรือถ้างดได้เลยก็จะยิ่งดีทวีคูณ
5. หมั่นล้างแอร์
การล้างแอร์คือการทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศและแผงคอยล์เย็น ที่จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค ทำให้อากาศเย็นที่ปล่อยออกมาจากเครื่องปรับอากาศสดชื่น และปลอดภัยต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น การล้างแอร์ยังช่วยทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น อากาศที่ปล่อยออกมาเย็นขึ้น และลดค่าไฟได้อีกด้วย
6. ดูดฝุ่นบ่อยๆ
ฝุ่นเป็นหนึ่งมลภาวะในอากาศที่เกิดขึ้นได้ทั้งนอกบ้านและในบ้าน หากฝุ่นนอกบ้านเป็นเรื่องเกินกำลัง หันมาจัดการฝุ่นในบ้านให้น้อยลงก่อน ด้วยการหมั่นดูดฝุ่นบนพื้นและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อยู่เสมอ
7. ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมี
สารเคมีในน้ำยาทำความสะอาด เป็นสาเหตุของมลภาวะทางกลิ่นภายในบ้าน ที่แม้จะมีกลิ่นหอมก็เป็นกลิ่นหอมสังเคราะห์จากสารเคมีที่ไม่น่าสูดดมเท่าไร อีกทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากให้บ้านสะอาดและปราศจากสารเคมี คือเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติแทนน้ำยาจากสารเคมี ที่นอกจากจะมีขายอยู่ทั่วไปแล้ว ยังสามารถทำเองได้ไม่ยาก และเดี๋ยวนี้ก็มีวิธีทำน้ำยาใช้เองทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้ได้ครูพักลักจำอยู่ไม่น้อย
8. ใช้เครื่องกรองอากาศ
ตั้งแต่รู้จักกับฝุ่น PM2.5 เครื่องกรองอากาศก็กลายมาเป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านควรมีติดไว้ เพราะเครื่องกรองอากาศจะทำหน้าที่เสมือนปอดของบ้าน ที่ช่วยกรองอากาศให้สะอาดขึ้นก่อนส่งเข้าสู่ปอดเรา ปัจจุบันมีหลากขนาดและหลายราคาให้หาซื้อ เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบ้านได้เลย
9. ใช้ผ้าแบบไมโครไฟเบอร์แทนผ้าขนหนูในการเช็ด
ผ้าไมโครไฟเบอร์มีคุณสมบัติช่วยกักฝุ่นไม่ให้ฟุ้งเมื่อเราใช้เช็ดฝุ่น นอกจากผ้าไมโครไฟเบอร์แล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีเพื่อการดักจับฝุ่นอีกมากมาย เช่น สีทาผนัง กระเบื้องพื้นและผนังเพื่อกรองฝุ่น มาช่วยให้บ้านปราศจากฝุ่นกวนใจและกวนปอด
10. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหอม สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ เทียนหอม
กลิ่นหอมจากเครื่องหอม เทียนหอม อาจกลายมาเป็นอีกหนึ่งมลภาวะทางกลิ่นที่ไม่สร้างความรื่นรมย์นักหากใช้มากเกินไป ไม่ถึงกับแนะนำไม่ให้ใช้เพราะบางทีเราก็อยากได้ความสุนทรีย์ในชีวิตบ้าง การใช้แต่พอดี จึงเป็นทางออกที่พอดีๆ
11. อย่าละเลยฝุ่นในพรม
พรมเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่สะสมฝุ่นเอาไว้ได้มหาศาลหากไม่ใส่ใจกำจัด ไม่ว่าจะฝุ่นในพรมหรือที่ซุกอยู่ใต้พรม วิธีรักษาความสะอาดของพรมคือการดูดฝุ่น โดยให้ดูดสวนทางแนวเส้นพรม การดูดในแนวนี้จะกำจัดฝุ่นที่ซ่อนอยู่ได้ถึงรากพรม
12. ทำให้พื้นที่ในบ้านแห้งอยู่เสมอ
ความชื้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของเชื้อราและบ่อเกิดเชื้อโรค ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ เป็นมลภาวะทางกลิ่นและไม่ดีต่อสุขอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่จะก่อความชื้น เช่น ติดพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำ หรือเปิดช่องระบายอากาศ หมั่นเปิดหน้าต่าง ช่องลม ให้อากาศถ่ายเท หากปลูกต้นไม้ในบ้าน ก็ควรมีช่องลมให้อากาศถ่ายเทด้วย
13. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการจุดไฟ หรือทำให้เกิดควัน
ควันไฟ เช่น ควันจากการทำอาหาร ควันเทียน ควันธูปบูชาพระ ก็เป็นสาเหตุของมลภาวะภายในบ้านด้วยเช่นกัน จึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดไฟเหล่านี้ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรมีทางระบายควันออกไป เช่น เปิดช่องหน้าต่าง ประตู เพื่อให้อากาศถ่ายเท ที่ไม่เพียงให้เราได้หายใจดีขึ้น แต่ยังช่วยลดสาเหตุของอัคคีภัยได้อีกด้วย
ที่มาข้อมูล:
1. www.consumerreports.org/indoor-air-quality/ways-to-reduce-indoor-air-pollution/?fbclid=IwAR2UDVgif536g-l1JO4mhzr-ZT4T3M6Yk0ByV8djBj4nVevfWX8lKnM8GUA
2. www.consumerreports.org/video/view/appliances/home/5309376100001/5-tips-for-cleaner-air-in-your-home
3. www.andatechdistribution.com.au/blogs/resources/indoor-air-quality-infographic