ลมหายใจคือสัญญาณบ่งบอกว่าชีวิตยังดำรงอยู่ อวัยวะที่สำคัญในระบบทางเดินหายใจคือ ‘ปอด’ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 หรือมลพิษทางอากาศโดยตรง เมื่ออวัยวะหลักสำหรับหายใจของเราเริ่มเกิดปัญหา ย่อมก่อให้เกิดปัญหาต่อการดำรงชีวิตของผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเรารู้จักป้องกันระบบทางเดินหายใจจากมลพิษตั้งแต่ขั้นต้น ให้ร่างกายได้รับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปหล่อเลี้ยง รวมถึงรู้วิธีบริหารให้ปอดแข็งแรง ก็ช่วยเพิ่มพลังให้ปอดแข็งแรงขึ้นได้
ศาสตร์การดูแลสุขภาพหลายศาสตร์จะให้ความสำคัญกับเรื่องลมหายใจเป็นสำคัญ เช่นเดียวกันกับโยคะที่ถือว่า การควบคุมลมหายใจอย่างเหมาะสม สามารถก่อเกิดพลังชีวิตที่ดีได้ การหายใจแบบโยคะ หรือที่เรียกว่า ‘ปราณายามะ’ จึงถูกจัดเป็น 1 ใน 8 หัวใจสำคัญของโยคะ
ปราณายามะ คืออะไร ?
ปราณายามะ มาจากคำว่า ‘ปราณา’ (life force) คือ ลมปราณ ลมหายใจ หรือพลังชีวิต และคำว่า ‘ยะมะ’ (control) คือ การควบคุม ‘ปราณายามะ’ จึงแปลว่า การควบคุมลมหายใจเพื่อเพิ่มพลังชีวิต
ดังนั้น ยิ่งฝึกฝนลมหายใจมาก จึงยิ่งมีพลังชีวิตมาก เมื่อมีพลังชีวิตมาก ก็จะทำให้มีชีวิตยืนยาวมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ การฝึกปราณายามะ ยังช่วยปรับสมดุลร่ายกาย (balancing) กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อข้อต่อ (activation) และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม (circulation) ให้ทุกระบบในร่างกายทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เตรียมสถานที่ฝึก ปราณายามะ
ในสภาวะที่อากาศรอบตัวเรามีมลพิษปนเปื้อน การดูแลระบบทางเดินหายใจจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นอกจากการป้องกันมลพิษแล้ว การนำวิธีฝึกลมหายใจแบบโยคะที่เรียกว่าปราณายามะ ที่กล่าวถึงมาใช้ ดูจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้อวัยวะสำคัญอย่างปอดของเรา มีความแข็งแรงขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อการเพิ่มพลังให้กับชีวิตตามที่ศาสตร์โยคะกล่าวไว้
แต่ถึงตรงนี้เชื่อว่าต้องมีผู้สงสัย ว่าอากาศปนเปื้อนแบบนี้ขืนหายใจเข้าออกลึกๆ ก็คงเท่ากับเร่งให้ปอดทรุดกันมากกว่า ซึ่งต้องบอกเลยว่าท่านไม่ได้เข้าใจผิดแต่อย่างใด และด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนลมหายใจแบบปราณายามะในยุคปัจจุบัน จึงควรจัดสถานที่ฝึกให้เหมาะสมดังนี้
1.กรณีฝึกโยคะกลางแจ้ง ควรเลือกสถานที่ ที่ไม่มี PM 2.5 มีอากาศถ่ายเท เป็นที่โล่งกว้าง
2.กรณีฝึกในอาคาร ควรเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศและพลังงานจากธรรมชาติไหลเวียนรอบตัว แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมรอบๆ อาคารมี PM 2.5 ให้เปลี่ยนไปปรับสถานที่ฝึกตามข้อสาม
3.หากอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มี PM 2.5 ควรฝึกโยคะในสถานที่ปิดแทน แต่ให้ใช้การเปิดพัดลม เครื่องปรับอากาศ ช่วยให้อากาศถ่ายเทหมุนเวียน และมีเครื่องฟอกอากาศช่วยกรองฝุ่นพิษ เพื่อช่วยลดภาระให้ปอด ได้กรองเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย
มาฝึกโยคะปราณายามะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของสุขภาพปอดและทางเดินหายใจกันเถอะ
1 เริ่มจากปรับท่านั่งให้รู้สึกสบาย ไม่ว่าจะนั่งบนพื้น หรือบนเก้าอี้ก็ได้ ลองขยับสะโพกซ้ายขวาถ่ายน้ำหนักทั้งสองฝั่งให้เท่ากัน ยืดกระดูกสันหลังตั้งตรง ขยับหมุนหัวไหล่ไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้แผ่นหลังยืดตรง เก็บคางเล็กน้อย พุ่งกลางกระหม่อมขึ้นสู่ด้านบน จากนั้นค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
2 เมื่อปิดเปลือกตาลงแล้ว ลองสำรวจร่างกายทุกส่วน ปรับร่างกายให้ผ่อนคลาย สบาย ไม่ฝืนเกร็ง จากนั้นลองกำหนดรู้และตามลมหายใจ หายใจเข้าเบาๆ หายใจออกสบาย
3 เมื่อลมหายใจสม่ำเสมอแล้ว ลองสูดลมหายใจเข้ายาว โดยอาจจะนับ 1-5 ในใจ และปล่อยลมหายใจออกยาวให้นับ 1-5 ในใจเช่นกัน ลองฝึกลมหายใจเข้า-ออกแบบนี้สัก 10-20 รอบ เราจะรู้สึกถึงความสม่ำเสมอ ความเสถียรของลมหายใจ และความสงบของจิตใจมากยิ่งขึ้น
หากอยากลองฝึกให้ปอดแข็งแรงยิ่งขึ้น ลองสูดลมหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่สามารถสูดได้ แล้วกักลมไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยลมหายใจออกยาว สามารถทำซ้ำได้หลายๆ รอบ เพื่อบริหารปอดให้แข็งแรงมากขึ้น
การฝึกหายใจแบบโยคะ หรือปราณายามะนี้ สามารถฝึกได้ทุกวัน ทุกเวลาที่สะดวก จะก่อนนอน หลังตื่นนอน หรือระหว่างวันก็ได้ หรือหากมีช่วงเวลารู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ ฟุ้งซ่าน อารมณไม่ดี ลองนั่งนิ่งๆ และฝึกการหายใจนี้ ก็จะช่วยให้รู้สึกสงบขึ้น
เห็นไหมว่า แค่รู้เทคนิคฝึกลมหายใจ เราก็สามารถเพิ่มความแข็งแรงของปอดและพลังชีวิตกันได้แล้ว
ที่มาข้อมูล:
1. ครูเม สาวิตรี ตรีเพชร ครูสอนโยคะ (ฟรีแลนซ์)
2. www.facebook.com/Easy-Fit-with-May-325347164476823
3. www.instagram.com/may_ismyname