ปี 2022 ไต้หวันเข้าใกล้อีกหนึ่งความตั้งใจที่จะสร้างอากาศสะอาดให้ประชาชน ด้วยนโยบายสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า โดยปัจจุบันในไต้หวันมีผู้ใช้ E-Scooters กว่า 430,000 คัน และ 10% ของรถยนต์ส่วนตัวที่ใช้ในประเทศก็เป็นรถยนต์ไฟฟ้าด้วย แต่การบอกให้เปลี่ยนมาใช้อาจไม่ใช่ทางที่ยั่งยืน หากแบตเตอรี่หรือสถานีบริการชาร์จไฟฟ้ายังมีความจำกัด
Gogoro หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการแบตเตอรี่ชาร์จไฟสำหรับสกูตเตอร์ไฟฟ้ารายใหญ่ในไต้หวัน รายงานว่า ปัจจุบันมีสถานีให้บริการแบตเตอรี่ (Battery Swap Station) ของบริษัท 2,215 แห่ง ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่ 2,487 แห่ง ยังไม่นับรวมกับบริษัทอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาสถานีชาร์จไฟและบริการเกี่ยวกับแบตเตอรี่กันอย่างเเข็งขัน ทำให้เป้าหมายที่จะมีสถานีให้บริการแบตเตอรี่ไฟฟ้ามากกว่าสถานีบริการน้ำมันทั่วทั้งประเทศนั่นไม่ไกลเกินเอื้อม
การเติบโตอย่างสง่างามของธุรกิจบริการแบตเตอรี่ไฟฟ้าและจุดชาร์จไฟฟ้าในไต้หวัน สะท้อนความสำเร็จของนโยบายเปลี่ยนจักรยานยนต์ให้เป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้า และการผลักดันให้ไฟฟ้ากลายเป็นพลังงานที่ทุกคนอยากใช้แทนน้ำมัน
ไต้หวันทำได้อย่างไร?
ตั้งแต่ปี 2017 รัฐบาลไต้หวันได้ออกมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์และสกูตเตอร์ไฟฟ้า ด้วยการสนับสนุนเงินสูงสุดกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันบาท (NT$ 1,200 -12,000) จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และรับเพิ่มอีกกว่าสี่หมื่นบาท (NT$ 2,500-3,500) จากการปกครองท้องถิ่น ในการเปลี่ยนมาใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้าแทนรถจักรยานยนต์ใช้น้ำมันแบบเดิม
อีกหัวใจสำคัญของการจูงใจให้ประชาชนมาใช้รถไฟฟ้า คือการมีจุดชาร์จไฟฟ้าที่เพียงพอและครบครันเพื่ออำนวยความสะดวก ซึ่งจุดนี้รัฐบาลไต้หวันได้ออกมาตรการมารอบด้านตั้งแต่ปี 2018 เริ่มจากให้เงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งจุดให้บริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 1,000 จุด ในสถานีบริการน้ำมันของบริษัท CPC Corporation ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมของรัฐบาลเอง
นอกจากนั้นยังเปิดให้เอกชน สถานีบริการน้ำมัน กิจการท้องถิ่น ขอรับเงินทุนสนับสนุนเพื่อเปิดสถานีบริการไฟฟ้าและแบตเตอรี่สำหรับสกูตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งขอได้มากถึงแห่งละกว่าสามแสนบาท และเป็นจำนวนเงินที่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย 49% ของค่าติดตั้ง ทำให้ในปีแรกไต้หวันสามารถเพิ่มจุดชาร์จแบตเตอรี่ได้มากถึง 1,825 แห่ง และจากเดิมที่ตั้งเป้าจะมีจุดชาร์จไฟฟ้า 3,300 แห่ง ก็ได้ขยับสู่การเพิ่มเป้าหมายเป็น 5,000 แห่ง ครอบคลุมทั้งเมืองและชนบททั่วทั้งเกาะไต้หวันให้ได้ภายในปี 2022
นโยบายนี้นอกจากจะส่งเสริมให้ไต้หวันทำตามเป้าการลดการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และรถยนต์ส่วนตัวสี่ล้อให้ได้ภายในปี 2040 แล้ว ยังช่วยลดการขายและความต้องการในการใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงปิโตรเคมีได้อย่างมหาศาล ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน และสร้างอากาศสะอาดสำหรับพลเมืองไต้หวันได้อย่างน่ายินดีแทน
และที่มากไปกว่านั้นคือ ไต้หวันยังมีเป้าหมายต่อไปที่จะเปลี่ยนรถสาธารณะที่ให้บริการของรัฐ เป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2030 อีกด้วย
ที่มาข้อมูล: