สถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ และต้นเหตุหนึ่งที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของเราก็คือ ‘นม’ โดยเฉพาะนมที่ผลิตในระบบอุตสาหกรรม โดยมีตัวเลขประเมินว่าอุตสาหกรรมนมนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 3 เปอร์เซ็นต์และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกจากจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อนมเป็นอาหารที่ผูกพันกับคนทุกชาติทุกภาษา การรณรงค์ให้คนเลิกหรือลดบริโภคนม จึงอาจไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนสักเท่าไหร่ ทว่าการควบคุมการผลิตนมอย่างเข้าใจบริบททั้งเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมต่างหาก ที่เป็นความหวังใหม่ของคนรักการดื่มนมและรักสิ่งแวดล้อม
ขณะนี้แบรนด์นมชั้นนำในโลกตะวันตกต่างก็ตระหนักถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นคือ Valio จากประเทศฟินแลนด์ ที่ประกาศแผนบริหารจัดการกระบวนการผลิตนมใหม่ทั้งหมดโดยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ ภายในปี 2030 ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นเริ่มตั้งแต่ต้นทางอย่าง ‘วัว’ ซึ่งเป็นตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการหันมาใช้อาหารวัวชนิดที่ช่วยลดก๊าซมีเทนจากมูลและการเรอของวัว รวมถึงการขยับระยะของฟาร์มให้ใกล้กับโรงรีดนม และโรงงานทำผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานและรักษาคุณภาพของนม
มากกว่านั้น ยังคิดค้น Carbo โปรแกรมที่จะคอยตรวจสอบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิตนม ความพิเศษของโปรแกรมนี้อยู่ตรงที่มันจะคอยรายงานตัวเลขคาร์บอนฟุตพรินต์ในขั้นตอนการผลิตแต่ละขั้นตอนแบบเรียลไทม์ และเป็นตัวเลขจริงไม่ใช่เพียงค่าประเมิน อาทิ ฟาร์มโคนมนับพันแห่งในกำกับของ Valio ซึ่งอาจมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแตกต่างกัน ย่อมต้องการวิธีการรับมือที่ต่างกันด้วย และนั่นทำให้พวกเขากำหนดทิศทางการพัฒนากระบวนการผลิตได้อย่างชัดเจนและคงบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น
ทว่าความพยายามในการต่อสู้กับก๊าซเรือนกระจกผ่านการบริหารจัดการ ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่ Valio เลือกใช้ แต่รวมถึงการเดินหน้าทำความเข้าใจกับเกษตรกรในเครือข่าย และหาทางปรับตัวไปด้วยกัน อาทิ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากการผลิตแบบเดิมมาสู่การผลิตแบบรักษ์โลก ที่อาจทำให้ปริมาณการผลิตลดลงในระยะแรก
ซึ่งการปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นไปค่อยไปและเข้าใจบริบทของคนเล็กๆ ในกระบวนการผลิตนับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หลายคนประเมินว่า Valio กำลังเดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์นม ที่ตอบโจทย์เรื่องการผลิตอย่างยั่งยืนได้จริงๆ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงเพื่อภาพลักษณ์เท่านั้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของสภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงของทิศทางการผลิตของแบรนด์นมทั้งหลาย สิ่งที่ผู้บริโภคอย่างเราทำได้เลยในทุกๆ วัน คือ การตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อและการกินด้วยกรอบง่ายๆ ว่านมที่ดีย่อมเกิดจากกระบวนการผลิตที่ใส่ใจทั้งในแง่คุณภาพผลผลิต และในแง่คุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์ทุกชนิดในกระบวนการ