จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ลิมาเป็นเมืองหลวงของเปรู และเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดเป็นอันดับสองในละตินอเมริกา บางพื้นที่ของกรุงลิมา ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกมาปริมาณมาก และอยู่ในระดับอันตราย ส่วนใหญ่มาจากรถยนต์ที่มีสภาพเก่า ปล่องควันจากอาคาร ร้านอาหารต่างๆ จนเมืองลิมาทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยมลพิษ
แต่ด้วยความเป็นศูนย์กลางการค้าและเมืองอุตสาหกรรมของประเทศ ผู้คนในเมืองลิมาจึงมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ จนลืมอากาศที่หายใจว่ายังโอเคอยู่มั้ย ทั้งรัฐบาลก็ไม่มีมาตรการจริงจังในการแก้ปัญหา ซึ่งถ้าเมืองลิมามีชีวิตและอยากจะพูด ลิม่าคงบอกว่า ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว! ช่วยฉันด้วยทุกคนนนน!!
CALIDDA บริษัทก๊าซของเปรู สร้างแคมเปญการตลาดเชิงนวัตกรรม ที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับเมืองลิมา ในแคมเปญที่ชื่อว่า ‘Lima Is Talking’ เปิดตัวด้วยบิลบอร์ดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ติดตั้งในจุดที่การจราจรพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของลิมา และติดตั้งอุปกรณ์ดักเก็บมลพิษ CO2 จากชั้นบรรยากาศ เข้ากระบวนการเปลี่ยนสภาพจากแก๊สเป็นผงสีดำ และถูกจัดการให้ผงสีดำทำหน้าที่เป็นหมึก ค่อยๆ เผยข้อความบนป้าย
ซึ่งบิลบอร์ดนี้จะเริ่มจากเป็นผืนผ้าใบเปล่าขาวสะอาด หลังจาก 15 วันของกระบวนการนี้ ป้ายโฆษณาก็เผยข้อความให้เห็นว่า “It takes me a lot to breath” หรือ “ฉันต้องหายใจหนักมาก”
เป็นข้อความที่ลิมาขอเขียนถึงชาวเมือง ถึงความยากลำบากในการหายใจ ท่ามกลางอากาศที่เป็นมลพิษขนาดนี้
ไม่ใช่เฉพาะผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นเท่านั้นจึงจะได้เห็นข้อความ ตลอดเวลาจากผืนผ้าใบเปล่าจนถึงข้อความที่ถูกเผย ได้มีการบันทึกและมีการแชร์คลิปออนไลน์ความยาว 44 วินาทีนี้ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ส่งไปยังผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์และสื่อมวลชนต่าง พร้อมกับเชิญชวนให้ประชาชนอภิปรายถึงปัญหามลพิษทางอากาศที่น่ากลัวของลิมา
ซึ่งทาง CALIDDA เสนอตัวเลือกก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นพลังงานทางเลือก เพราะก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสะอาด มีปริมาณไอเสียที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า
อยากรู้จัง ถ้าเมืองหลวง ‘กรุงเทพมหานคร’ ของเราพูดได้ อยากจะพูดว่าอะไร?
ที่มาข้อมูล:
1. marcommnews.com
2. ethicalmarketingnews.com
3. www.youtube.com