ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เรากำลังยุคในสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายในสู่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้ก็มีหลากหลายโอกาสในการทำธุรกิจซ่อนอยู่ในนั้น และกำลังรอคอยใครที่สามารถหามันพบและคว้าโอกาสนั้นไว้ได้
หนึ่งในนั้นเป็นธุรกิจที่สามารถกอบกู้อากาศให้กลับมาสะอาดสดใสได้เหมือนเมื่อวาน นั่นก็คือธุรกิจคืนชีพรถเก่าสู่รถไฟฟ้า มีข้อมูลอ้างอิงจากงาน SEMA show 2021ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ว่ามี ค่ายรถยนต์หลากหลายค่าย อู่ซ่อมรถมากมายจากทั่วประเทศ ต่างเข้ามาประชันฝีมือแสดงผลงานการคืนชีพรถเก่ารุ่นต่างๆ อย่างไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร เป็นสัญญาณยืนยันว่า กระแสการแปลงรถเก่าจากระบบสันดาปภายในสู่ระบบมอเตอร์ไฟฟ้านั้นมาแน่
ตอนนี้แม้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงบ้างแล้วจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ปรับตัวลง แต่หลายคนยังคงไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นกับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ยังมีอยู่จำกัด ราคาขายรถคันเก่าที่ถูกกดเสียแทบติดพื้นจนทำใจขายไม่ลง หรือยังคงไม่ไว้วางใจรถยนต์ไฟฟ้าว่าสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการใช้งานได้หรือไม่ กังวลในเรื่องสมรรถนะของรถ แรงบิด แรงม้าพอไหม ขึ้นเขาได้ไหม หรือแม้กระทั่งคือความผูกพันกับรถคันเดิมที่ไม่อาจตัดขาด ไม่ว่าจะ 20 หรือ 30 ปี ก็ตาม แต่เราสามารถทลายกำแพงของทุกเหตุผลที่กล่าวมานั้นได้ ด้วยการแปลงรถเก่าสู่ระบบไฟฟ้า
ไม่ต้องขายรถเก่า ค่าใช้จ่ายในการแปลงระบบไม่สูงมากนัก ดีต่ออากาศเพราะไม่ปล่อยควันพิษ ดูแลรักษาง่ายกว่าเดิมมาก แถมยังเงียบกริบและเท่อย่าบอกใคร
ไม่ใช่แค่ในสหรัฐอเมริกาที่เรายกข้อมูลมาอ้างอิง เพราะตอนนี้ในเมืองไทยก็เริ่มมีหลายอู่รถยนต์ที่มองเห็นโอกาสในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน รับคืนชีพรถเก่าอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ช่างซ่อมรถที่มากประสบการณ์หลายคนสามารถเนรมิตรถคันเก่า หรือแม้กระทั่งจากเพียงแค่โครงรถเก่า ให้กลายเป็นรถไฟฟ้าสุดทันสมัยได้ในงบประมาณไม่กี่แสน
หรือแม้กระทั่งรถกระบะ รถเมล์ รถกระป๊อ รถมอเตอร์ไซค์ หรือแม้กระทั่งเรือก็สามารถแปลงเป็นระบบไฟฟ้าได้ อย่างไม่ต้องกังวลถึงเรื่องประสิทธิภาพ แต่ในการดัดแปลงทั้งหลายทั้งมวลแล้วก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะรถแต่ละคันนั้นมีข้อจำกัดในการแปลงระบบที่แตกต่างกันออกไป ตามลักษณะโครงสร้างและขนาดของรถ
เมื่อนำรถคันเก่าเข้าอู่เพื่อคืนชีพใหม่ โดยปกติแล้วช่างจะถามถึง ‘โจทย์’ ในการแปลงระบบว่าต้องการขับไกลแค่ไหน ความเร็วสูงสุดที่ต้องการทำได้คือเท่าไร บรรทุกของหนักแค่ไหน พฤติกรรมการใช้งานของรถคันนี้จะเป็นอย่างไร หลังจากนั้นช่างจึงเข้าสู่ขั้นตอนการวางแผนเพื่อออกแบบระบบของรถใหม่ให้เหมาะสมกับโจทย์ที่เราตั้งไว้
โดยหลักแล้วจำนวนแบตเตอรี่นั้นส่งผลอย่างมากต่อการแปลงระบบรถ หากใช้ขับในระยะทางไม่ไกลนักก็ไม่ควรติดตั้งแบตเตอรี่มากเกินไป เพราะนอกจากจะแพงแล้วยังทำให้รถหนัก หาที่ติดตั้งในตัวถังรถยาก และยังทำให้ใช้เวลาการชาร์จนานขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงควรพูดคุยทำความเข้าใจกับช่างผู้รับผิดชอบการแปลงระบบให้เข้าใจตรงกันก่อนเริ่มต้นลงมือทำงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ตรงกับความต้องการ
ในการดัดแปลงระบบรถ ปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ที่ต้องพิจารณาก่อนให้ดี คือคุณภาพของอู่หรือนายช่าง ก่อนนำรถเข้าดัดแปลงระบบควรศึกษา หาข้อมูล ดูผลงานเก่าๆ ของอู่นั้นให้แน่ใจก่อน ว่าช่างที่จะทำการแปลงระบบให้กับเรานั้น มีความสามารถและฝีมือที่ดีพอ
และอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถือก็คือคุณภาพของชิ้นส่วนที่นำเอามาติดตั้ง ควรเป็นของที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานในระดับที่ดี ในเมื่อลงทุนจ่ายเงินหลักแสนเพื่อแปลงรถเก่าเป็นรถไฟฟ้าทั้งที ก็ควรคาดหวังอายุการใช้งานที่ระดับ 10 ปีขึ้นไป และคุณภาพของชิ้นส่วนต่างๆ ของรถก็ควรใช้งานได้ในระยะเวลาที่เทียบเท่ากัน ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อการนำรถที่ไม่ได้คุณภาพไปใช้งานได้
ยิ่งไปกว่านั้นควรสอบถามถึงการรับประกันทั้งจากชิ้นส่วนและการซ่อมหลังจากแปลงระบบแล้วอีกด้วย โดยปกติแล้วชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานนั้นจะมีระยะเวลาในการรับประกันที่แน่นอนอยู่แล้ว และมีระบุไว้จากโรงงานผลิตชิ้นส่วนต้นทางอย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ ส่วนอู่ที่มีฝีมือและมาตรฐานจะมั่นใจในผลงานของตัวเอง สามารถยืดระยะเวลาการรับประกันให้ยาวกว่าอู่อื่นๆ ได้อย่างไม่หวาดกลัวว่าจะงานเข้า
ดังนั้นหากใครมีรถเก่าเก็บของคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณตา หรือคุณทวด ที่วิ่งไม่ได้แล้วหรือแทบจะวิ่งไม่ได้แล้ว ฝุ่นหนาเตอะ ยางแบนกรอบติดพื้น แต่พวกท่านก็ยังไม่ยอมให้ขายและไม่ยอมเปลี่ยนไปขับรถคันใหม่เสียที ทั้งซ่อมยาก ซ่อมแต่ละทีก็กินเวลายาวนาน ราคาซ่อมแพง หาอะไหล่ลำบาก แถมยังปล่อยควันดำออกมาเยอะแต่ไม่ค่อยเคลื่อนที่อีกต่างหาก และกังวลทุกทีที่พาออกมาขับ การเอารถมาแปลงระบบเป็นไฟฟ้าคือทางเลือกในการแก้ปัญหาที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นการเก็บรักษารถเก่าให้พวกท่านได้แล้ว รถคันนี้ยังสามารถพาท่านออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในสัมผัสเก่าที่คุ้นเคย โดยที่รถคันเดิมยังสามารถช่วยลดมลภาวะทางอากาศไปด้วยในตัว
หลายต่อหลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า รถยนต์ยุคเก่านั้นมีการออกแบบที่สวยงามมาก ในแต่ละยี่ห้อล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป มีเสน่ห์ตราตรึงทำให้ไม่สามารถละสายตาได้อย่างประหลาด ทว่ารถเก่าที่แสนจะมีเสน่ห์นั้นก็เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำลายอากาศอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ การทำให้รถยนต์ในอดีตนั้นกลับมาเคียงคู่รถยนต์แห่งอนาคตได้โดยไม่ส่งผลเสียใดสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว ย่อมเป็นธุรกิจที่ดี เป็นธุรกิจที่น่าสนับสนุน และแน่นอนว่ามันคือธุรกิจที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในขณะนี้
ลองจินตนาการดูว่า รถเต่ายุค 40s มาจอดติดไฟแดงข้าง New Beetle แล้วอีกข้างก็มีรถไฟฟ้า Volkswagen รุ่นใหม่สุดมาเทียบข้าง พอไฟเขียวโชว์สัญญาณ ทั้งสามคันก็ออกตัวไปพร้อมกัน เปรียบเสมือน คุณตา คุณพ่อ คุณลูก ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน แถมทุกคันยังปล่อยก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์เป็น 0 อีก เป็นก้าวย่างสู่อนาคตที่สะอาดและน่าอยู่น่าดู